"คสช." แจงฟ้องเพจ "พรรคอนาคตใหม่" เหตุบิดเบือนข้อมูล กระทบความมั่นคง

คสช. แจงเหตุฟ้อง "เพจพรรคอนาคตใหม่" ชี้บิดเบือนข้อมูล กระทบความมั่นคง ยันไม่กลั่นแกล้ง ทำตามกฎหมาย-โต้ "หมวดเจี๊ยบ" ปูดข่าวส่งทหารประกบ ยันทหารไม่ทำนอกลู่นอกทาง

วันนี้ (2 ส.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีฝ่ายกฎหมาย คสช. แจ้งความให้เอาผิดเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก พรรคอนาคตใหม่-the future we want และเพจเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนก ยุยง และเป็นภัยต่อความมั่นคง ว่า

เมื่อฝ่ายความมั่นคงตรวจพบว่าการกระทำใดๆ ที่ส่อไปในทางผิดกฎหมายและกระทบความมั่นคงก็ให้ฝ่ายกฎหมาย คสช. ดำเนินการแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ซึ่งไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้ง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแจ้งความกรณีนี้ เพราะเพจดังกล่าวพาดพิง คสช. เรื่องดูด ส.ส. ใช่หรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวว่า มีการพาดพิง มีบางข้อมูลที่บิดเบือน ทางฝ่ายกฎหมาย คสช.พิจารณาแล้วว่าจะมีผลกระทบจึงดำเนินการแจ้งความ เพราะมีการเผยแพร่ทางคอมพิวเตอร์ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดได้ ส่วนที่มีการตอบโต้ คสช. ว่ากระทำการเกินกว่าเหตุนั้น คสช. ยืนยันว่าไม่สามารถทำอะไรนอกเหนืออำนาจหน้าที่และกฎหมายได้ คสช. ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ไม่ได้ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม

ที่มาsanook

อัยการ นัด ‘สายป่าน’ ฟังสั่งฟ้องหรือไม่ คดีโพสต์ภาพของลับ 23 มี.ค. นี้

บก.ปอท. นัดส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องหรือไม่ ในคดี สายป่าน อภิญญา  โพสต์ภาพของลับแฟน 23 มี.ค. นี้  ด้านเจ้าตัวยอมรับกังวลใจ 

นางสาวอภิญญา สกุลเจริญสุข หรือ “สายป่าน อภิญญา” นักแสดงสาวชื่อดัง ได้เดินทางพบพนักงานอัยการพิเศษคดีอาญา 9 หลังจากพนักงานสอบสวน บก.ปอท.นัดส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องในความผิดฐานความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (4)

จากกรณีที่มีการนำภาพลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ พร้อมเปิดเผยว่า ในวันนี้ตนได้ทางมาตามที่พนักงานสอบสวน ปอท.นัดส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการ เพื่อพิจารณาในการสั่งฟ้องหรือไม่ โดยหลังจากรับเรื่องทางพนักงานอัยการได้ให้รอการตรวจสอบสำนวน ซึ่งจากใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1 เดือน

โดยนัดให้มารับทราบว่าจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 15 มีนาม 2561 เวลา 09.00 น. ซึ่งตัวเองก็มีความกังวลใจ แต่เชื่อมั่นทางกระบวนการยุติธรรม ว่า ต้องได้รับความเป็นธรรม ขณะที่ในวันนี้แฟนหนุ่มวุฒิ นันทวุฒิ ก็ได้เดินทางมาเป็นกำลังใจให้กับนักแสดงสาวด้วย

ด้าน นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษและรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า หลังจากนี้พนักงานอัยการจะพิจารณาสำนวน ว่าจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ โดยวันนี้เองทางสายป่านได้มารายงานตัว ตามที่ทางพนักงานสอบสวนนัดส่งตัว

ซึ่งทางพนักงานอัยการเองจะให้ความเป็นธรรม พิจารณาข้อเท็จจริงทุกมิติ พร้อมทั้งจะพิจารณาว่าเป็นคดีสำคัญหรือไม่ และจะสั่งนัดพบอีกครั้งในวันที่ 15 มีนาคม 2561 แต่เนื่องด้วยสายป่านติดภารกิจ จึงขอเลื่อนนัดเป็นวันที่ 23 มีนาคม 2561 ในเวลา 09.00 น.

ที่มา news.mtha

"แชร์ผิดชีวิตเปลี่ยน" เช็คก่อนแชร์ แคร์ก่อนโพสต์

อันห้ามไฟบ่ให้มีควันได้ฉันใด ย่อมห้ามคำติฉินนินทาได้ฉันนั้น สุภาษิตคำพังเพยไทยที่มีมาตั้งแต่ยุคสมัยกาลนานที่ใช้เปรียบเปรยการพูดคุย ติฉินนินทาของคนในสังคมยุคโบราณ ซึ่งไม่แตกต่างกับสมัยปัจจุบันที่ยังมีการติฉินนินทาเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ยุคปัจจุบันเป็นยุคออนไลน์สามารถแชทและแชร์ข่าวสารหรือคำนินทาได้อย่างรวดเร็วไวปานจรวด ผ่านการโพตส์ทางโซเชี่ยลมีเดียโดยมีอินเทอร์เนตเป็นเครื่องมือขับเคลื่อน และด้วยความรวดเร็วนี่เองทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่ายและส่งต่อกันไปในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว

กลายเป็นดาบสองคนที่สร้างผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อผู้โพตส์ ผู้แชร์และผู้ที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นแล้วก่อนจะโพตส์จะแชร์อะไรต้องคิดให้ดีนะครับ ไม่เช่นนั้นอาจจะติดคุกได้โดยไม่รู้ตัว และที่สำคัญหากจะเม้ามอยหรือจะนินทาใครก็เอาแค่หอมปากหอมคออยู่ในวงสนทนาก็พอไม่งั้นผลกระทบที่ตามมาอาจทำให้หมดอนาคตทางด้านการงานได้

                                                              ที่มาsanook

“โพสต์ไม่คิด… ชีวิตอาจพัง” บทพิสูจน์ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ฉบับใหม่ บังคับใช้ได้ตรงเจตนารมณ์หรือไม่

เมื่อเดือนมกราคม 2560 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ซึ่งเป็นฉบับที่ 2 ของ พ.ร.บ. นี้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม

มาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 ระบุว่า ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา

(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้

(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)

ที่มาtlhr2014